หลังจากปลัดกระทรวงกล่าวจบแล้ว วิทยากรคนต่อไปคือพญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ประธานคณะอนุกรรมการ พิจารณาปรับเปลี่ยนเงินเดือนและค่าตอบแทนแพทย์ในภาคราชการของแพทยสภาได้ถามที่ประชุมว่า จะรอให้คณะทำงานของปลัดกระทรวงรายงานผลการศึกษา หรือเราจะถามกันตรงนี้เลย แล้วพญ.เชิดชู ได้ถามที่ประชุมว่า “ใครไม่เห็นด้วยที่จะออกจากกพ. ให้ยกมือขึ้น” ก็ไม่มีใครยกมือ พญ.เชิดชู จึงได้ถามใหม่ว่า ใครเห็นด้วยกับการออกจาก กพ.ให้ยกมือขึ้น ปรากฎว่าคนในห้อง ประชุมยกมือขึ้นทั้งห้องเลย
พญ.เชิดชู จึงหันไปพูดกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่า ขอเรียนให้ท่านปลัดฯทราบว่า มติของที่ประชุมคือทุกคนขอให้แยกบุคลากรสาธารณสุขออกจาก กพ. ให้ท่านปลัดไปรายงานรมว.สธ.ได้เลย และให้รีบดำเนินการทันที ไม่ต้องไปศึกษาอะไรต่อไปให้เสียเวลาอีกแล้ว แต่ถ้าปลัดยังไม่ทำอะไร พวกเราก็จะรวบรวมรายชื่อ 10,000 ชื่อ เพื่อเสนอพ.ร.บ.นี้เข้าสภาผู้แทนราษฎรด้วยตนเอง ตามสิทธิของประชาชนที่รัฐธรรมนูญได้ให้สิทธิแก่ประชาชนในการเสนอกฎหมายได้ ปลัดกระทรวงได้ยินดังนั้น ก็ได้แต่ยิ้ม โดยมิได้กล่าวรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใดทั้งสิ้น และขอตัวออกจากห้องประชุมไป
พญ.เชิดชู ได้กล่าวในที่ประชุมอีกว่า บุคลากรต่างๆที่ถูกบังคับให้ชดใช้ทุนอีกประมาณ20,000 คน ต้องเป็นลูกจ้างชั่วคราว เงินเดือนก็ไม่ขึ้น อาชีพไม่มีความก้าวหน้า สวัสดิการไม่ดี เสี่ยงต่อความผิดพลาด ดังนั้นเมื่อกพ.ไม่ยอมอนุมัติให้บรรจุข้าราชการ จึงควรต้องมีการ “ปฏิรูประบบราชการของสธ.โดยแยกออกจาก กพ."
ทั้งนี้หลังจากที่พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 บังคับใช้ โดยมุ่งหวังให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขมากยิ่งขึ้นนั้น กลับเป็นการสร้างปัญหาแก่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะผู้รับผิดชอบหลักในการให้บริการสาธารณสุข ด้วยภาระงานที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งสวนทางกับปริมาณบุคลากรที่มีอยู่ ประกอบกับการบริหารงานของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) ที่มี ข้อจำกัดเรื่องการเพิ่มอัตรากำลังคน การเพิ่มค่าตอบแทนเพื่อจูงใจและการสร้างขวัญกำลังใจ ยังผลให้กำลังคนขาดแคลน คนที่ทนงานหนักไม่ไหวก็ลาออกไป คนที่ยังเหลืออยู่ก็ยิ่งทำงานหนักยิ่งขึ้น งบประมาณด้านบริหารสะดุด กระทบกับมาตรฐานคุณภาพการบริการ ร้ายแรงถึงขั้นเกิดความสูญเสียต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชน จนปรากฏกรณีคดีความฟ้องร้องระหว่างคนไข้กับบุคคลากรทางการแพทย์ให้เห็นอย่างมากมาย เป็นข่าวดังๆอยู่ทั่วไป
ทางออกของปัญหาสะท้อนผ่านการตกผลึกทางความคิดของบุคลากรสาธารณสุข ภายใต้การขับเคลื่อนของแพทยสภา คือ การแยกข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขออก จาก กพ.
พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาปรับเปลี่ยนเงินเดือนและค่าตอบแทนแพทย์ใน ภาคราชการ แพทยสภา เล่าว่า ตั้งแต่มี พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หน่วยงานด้านสาธารณสุขต้องรับบทหนักมาก เมื่อเกิดความผิดพลาดในการรักษาก็ถูกฟ้องร้องได้อีก ทั้งนี้ยังพบว่าสธ.ยังขาดบุคลากรประจำเป็นจำนวนมาก ในขณะที่กพ.ไม่ยอมอนุมัติให้เพิ่มจำนวน
“ตอนนี้ไม่มีบรรจุเลย มีแต่บรรจุลูกจ้างชั่วคราว 20,000 คน เงินเดือนก็ไม่ขึ้น อาชีพไม่มีความก้าวหน้า สวัสดิการไม่ดี เสี่ยงต่อความผิดพลาด ดังนั้นเมื่อกพ.ไม่ยอมอนุมัติให้บรรจุข้าราชการ จึงต้องมีการปฏิรูประบบราชการของสธ.ออกจาก กพ.” พญ.เชิด ชู กล่าว